Mar-2018
นางาซากิ Nagasaki เมืองต้องห้ามพลาดของคิวชู
N A G A S A K I
นางาซากิ
เมืองนางาซากิตั้งอยู่ทางชายฝั่งด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะคิวชู เป็นเมืองที่มีบรรยากาศและกลิ่นไอของความเป็นตะวันตกและวัฒนธรรมจีนมากที่สุดในญี่ปุ่นเลยทีเดียว
เดิมทีเมืองนี้เป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆจนต่อมาเมืองนี้ได้กลายเป็นศูนย์กลางการค้าของชาวโปรตุเกสและชาวตะวันตกตั้งแต่คศ.16 ถึง 19 ทำให้เมืองนี้มีโบสถ์คริสต์มากมาย ที่นี่ยังเคยเป็นที่ตั้งของฐานทัพเรือของกองทัพเรือจักรวรรด์ญี่ปุ่น ระหว่างสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่ 1 แต่สำหรับคนไทย เมืองนางาซากิมีชื่อเสียงเนื่องจากเป็นเมืองที่ 2 ที่ถูกโจมตีด้วยระเบิดนิวเคลียร์และถือเป็นเมืองสุดท้ายในโลกที่ถูกโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์จนถึงปัจจุบัน ด้วยความสำคัญขนาดนี้ มาเที่ยวคิวชูทั้งทีก็ต้องมีนางาซากิอยู่ในแปลนแน่นอน แถมนอนที่นี่ตั้ง 2 คืนอีกต่างหาก
รีวิวนี้เป็นการเที่ยวไฮไลท์ของนางาซากิในวันเดียว เริ่มตั้งแต่เช้าถึงดึกกันเลย ใช้เวลาคุ้มจริงๆ 555
Nagasaki Atomic Bomb museum ที่อยู่ใกล้ๆกันจนได้ ซึ่งภายในจัดแสดงเรื่องราวของการถูกระเบิดของเมืองด้วยลูกระเบิดปรมาณูลูกที่ 2 จนเป็นเหตุให้ญี่ปุ่นต้องประกาศแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 แต่เอาจริงๆน่ะ ตั้งใจไว้ก่อนมาว่าจะไม่มาที่นี่รวมทั้งที่ฮิโรชิม่าด้วย เพราะรู้ว่ามันเศร้า หดหู่และต้องเสียน้ำตาแน่นอน และก็เป็นไปตามนั้น เดินชมภาพถ่าย นิทรรศการแล้วรู้สึกบีบคั้น เศร้าใจและหดหู่อย่างที่สุด
การเดินทาง (แบบไม่หลง) ให้นั่งรถรางสาย 1 หรือ 3 ลงที่สถานี Hamaguchi-machi
หลังจากที่นอนๆนั่งๆรอฝนชิลล์เว่อร์ที่ฟูกุโอกะรวมทั้งวันแรกของนางาซากิ วันนี้พอมีแดดบ้าง คุณป้าเลยจัดหนักเลยค่าาา เป็นวันที่วิ่งไปเที่ยวทั้งหมด 6 ที่ในวันเดียว คิดแล้วอยากจะเป็นลมอีกรอบ ฮ่าๆๆ
เริ่มวันฟ้าใสกันที่ สะพานแว่นตาเมงาเนะบาชิ (Meganebashi)
เป็นสะพานหินเก่าแก่ทอดข้ามแม่น้ำนากาชิมะ (Nakashimagawa) สะพานนี้สร้างโดยพระภิกษุจากวัดโคฟุกุจิ ในปี พ.ศ.2177 เพื่อเป็นหนทางไปสู่ตัววัด สะพานแห่งนี้เดิมเป็นสะพานหินโค้งที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น แต่เมื่อครั้งเกิดอุทกภัยใหญ่ พ.ศ.2505 ตัวสะพานได้พังทลายลง สะพานที่เห็นปัจจุบันเป็นสะพานที่สร้างขึ้นมาโดยการเลียนแบบสะพานเดิม
การเดินทาง นั่งรถรางสาย 4 หรือ สาย 5 มาลงสถานีรถรางนิกิไวบาชิ (Nigiwaibashi tram stop) แล้วเดินอีกนิดก็ถึงค่ะ
นางาซากิไชน่าทาวน์ (Nagasaki Chinatown) อยู่ไม่ไกลจาก Dejima island ถ้ามารถรางก็ให้ลงที่สถานี Tsuki-machi ไชน่าทาวน์ที่นางาซากินี้เป็น 1 ใน 3 ของไชน่าทาวน์ในญี่ปุ่นเชียวนะคะ (อีก 2 ที่อยู่ที่เมืองโยโกฮาม่าและโกเบ) แถมเป็นไชน่าทาวน์ที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นอีกต่างหาก เพราะฉะนั้นแวะกันซักนิดเถอะค่ะ
การเดินทาง อยู่ที่สถานีรถรางสุคิมาชิ (Tsukimachi Tram) รถรางสาย 1 หรือ 5 ค่ะ
สวนโกลฟเวอร์ (glover garden) ที่อยู่บนเขามินามิ ยามาเตะ ที่มีบ้านรูปทรงตะวันตกที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นตั้งอยู่ บนนี้เราสามารถชมทิวทัศน์ของเมืองนางาซากิจากมุมสูงได้อย่างสวยงามมากเลยน่ะ ใครที่มาเที่ยวนางาซากิต้องห้ามพลาดกันเลยค่ะ
การเดินทาง จากสถานีรถราง Ouratenshudo-shita สาย 5 เดินประมาณ 5 นาทีก็ถึง สวนโกลฟเวอร์ มีบันไดเลื่อนต่อลิฟท์ไปยอดเขานะคะ ไม่ต้องเดินมาก ดีใจจัง ^^
Dejima Island เป็นย่านการค้าเก่าแก่ตั้งแต่สมัยเอโดะ เป็นเขตอนุรักษ์ ทำให้ยังมีอาคารแบบเก่าหลงเหลืออยู่มากมาย ทั้งโกดังเก็บของ บ้านเรือน โรงงานอุตสาหกรรม โรงเรียน กำแพง ร้านค้า ประตู เข้าไปเดินเล่นแล้วเหมือนเดินเข้าไปในเมืองท่ายุคเอโดะจริงๆ
การเดินทาง นั่งรถรางสาย 1 มาลงที่สถานีรถรางเดจิมะ (Dejima tram)
Mt.Inasa Ropeway คือจุดชมวิวสูงสุดของภูเขาอินาสะ เราจะสามารถเห็นวิวที่สวยงามของเมืองนางาาซากิและยิ่งวิวตอนกลางคืนจะติด 1 ใน 3 จุดชมวิวกลางคืนที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นด้วยน่ะ อีก 2 แห่งคือภูเขาฮาโกดาเตะ ฮอกไกโด (ไปมาแล้ว เย้) และ ภูเขาร็อคโกะที่โกเบค่ะ
ต่อด้วยจุดหมายในฝันอีกแห่งคือ Huis Ten Bosch ซึ่งเป็นธีมพาร์คขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลใกล้เมืองซาเซะโบะ (Sasebo) แต่ยังอยู่ในจังหวัดนางาซากิ สามารถเดินทางมาได้ง่ายทั้งจากฟุกุโอกะและนางาซากิ ที่นี้ได้ถูกจำลองให้เป็นประเทศเนเธอแลนด์ แวดล้อมไปด้วยสิ่งก่อสร้าง ลำคลองและสวนดอกไม้ที่สวยงามมากๆ ที่ไฮไลท์ที่ตั้งใจไปชมคือการแสดงแสงสี Light illumination ที่จัดได้ว่ายิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกกันเลย
ขอย้ำว่าทั้งหมดนี้จัดได้ใน 1 วัน ฮ่าๆๆ คือตั้งแต่เช้า 7 โมง ทั้งเดิน ทั้งวิ่ง ทั้งแบก ทั้งนั่งรถราง ต่อรถบัส ต่อรถไฟ ทั้งโบกรถ ทั้งเดินขึ้นเขา เดินไปเดินมาจนกลับมาถึงโรงแรมห้าทุ่ม ช่างเป็นวันหรรษาหฤโหดที่ครบทุกรสจริงๆ
บรรยากาศสวยงามภายใน Huis Ten Bosch
สิ่งนี้ที่รอคอย Light illumination ที่ยิ่งใหญ่ตระการตาลืมกันไม่ลงจริงๆ
มาถึงไปถึงสี่โมงเย็นเพื่อจะได้ส่วนลดค่าเข้าเหลือ 4800 เยน คุ้มกับการนั่งรถไฟไปกลับเกือบ 4 ชม.เพื่อไปดูไฟเลย
ไฟนี้จะเปิดถึงวันที่ 18 เมษ.ปีนี้ค่ะ
เป้าหมายที่เล็งไว้แต่ไม่ได้ไปในทริปนี้คือ แหล่งออนเซน Unzen Onsen , ปราสาทชิมาบาระ (Shimabara Castle) เอาไว้กลับมาเก็บอีกทีในครั้งหน้าน่ะจ๊ะ