Jan-2019
เที่ยวเมืองมัตสึดะ (MATSUDA) เมืองเล็กๆจิ๋วแต่แจ๋ว ในจังหวัดคานากาว่า
มัตสึดะ Matsuda
เมืองเล็กๆในจังหวัดคานากาว่า (Kanagawa) ภูมิภาคคันโต (Kanto)
เมืองที่เราไม่เคยได้ยินชื่อหรือเห็นภาพจากสื่อใดๆมาก่อน ตอนที่มีเพื่อนชวนมาเที่ยวที่นี่ก็ตอบรับทันทีแบบไม่ลังเล เพราะเราไปเที่ยวญี่ปุ่นมาก็หลายครั้ง เห็นเมืองใหญ่เมืองรองมาค่อนข้างหลายเมืองและไปทุกฤดูมาแล้ว ก็ตั้งใจว่าถ้าได้มีโอกาสมาเห็นเมืองเล็กแบบอันซีนในญี่ปุ่นบ้างก็คงจะดี ซึ่งมัตสึดะมันดีต่อใจจริงๆ
เพราะการเดินทางไม่จำเป็นต้องพาเราไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามยิ่งใหญ่อลังการ หรือมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานเสมอไป แค่มันได้พาเราไปห็นความสดใหม่ และได้มีโอกาสสัมผัสความเป็นท้องถิ่นแท้ๆของที่นั่นๆ ได้กินอยู่กับชาวบ้าน ได้เห็นวิถีชีวิตเค้าแบบเดิมๆที่ยังไม่ได้ผ่านการปรุงแต่ง ได้พบเพื่อนใหม่ ยิ่งดีถ้าสถานที่นั้นมีความสวยงามแอบซ่อนอยู่ …. ความรื่นรมย์ของการเดินทางมันอยู่ตรงนี้ ++
เมืองมัตสึดะ อยู่ตรงไหนกัน? ภาพใหญ่ให้มองเห็นกันง่ายๆ ตามรูปเลย 5555 (ง่ายสุดแระ)
ถ้าจะให้ตีเส้นทำรูทท่องเที่ยว เราสามารถเที่ยวเชื่อมเป็นสามเหลี่ยมระหว่างคาวากุชิโกะ ฮาโกเน่ และมัตสึดะ ได้น่ะ
ส่วนการเดินทาง เอาให้ง่ายที่สุด แน่นอนว่าเริ่มจากโตเกียว ซึ่งเราสามารถเลือกมาลงรถไฟที่สถานี Shin-Matsuda หรือ Matsuda ก็ได้ตามสะดวก (นั่งชินคันเซ็นมาลงสถานี (Odawara) แล้วต่อ Odakyu เพื่อมาลงที่ Shin-Matsuda จะสะดวกกว่า) สองสถานีนี้อยู่ใกล้กันแค่ประมาณ 100 เมตร เดินถึงกันชิลๆ
ทริปนี้เป็นทริปที่พิเศษและแปลกกว่าทุกทริป คือเรามาเที่ยวที่เมืองนี้ตามคำชวนของเพื่อนของเพื่อนอีกที เพื่อให้เรามาเห็นเมืองเล็กๆของเค้าบ้างไรบ้าง ซึ่งเพื่อนชาวญี่ปุ่นของเพื่อนเราคือ ซิมเปซัง และ ซาโน่ซัง และพี่คนไทยอีกคน ซึ่งพี่คนนี้เป็นเพื่อนของเพื่อนเรานั่นเอง (คือชวนกันหลายต่อมาก ยากพอๆกับที่หาเวลามาเที่ยวเมืองนี้กันเลยทีเดียว 555)
เพราะฉะนั้นการมาเที่ยวครั้งนี้เลยเจาะลึกมากว่าที่เคย คือเราได้มีโอกาสมาพบและสัมผัสกับชาวญี่ปุ่นแท้ๆ ได้เรียนรู้ ทำความรู้จักและผูกมิตร จนทำให้เรารู้สึกประทับใจ มากกว่าวิวธรรมชาติที่เราได้พบเจอด้วยซ้ำ แต่ไหนๆก็มาถึงมัตสึดะกันแล้ว มาดูดีกว่าว่าเราได้ไปเห็นอะไรมาบ้างในเวลาสั้นๆ สองวันพอดิบพอดี และรีวิวนี้อาจจะไม่ใช่รีวิวการเดินทางเหมือนทุกครั้ง แต่เราถือว่าเป็นรีวิวแบ่งปันประสบการณ์ในมุมใหม่ๆสำหรับญี่ปุ่นล่ะกันเนอะ ^^
Camping ริมลำธาร กลางป่า
ครั้งแรกของญี่ปุ่นเลยน่ะ ที่ได้มานอนพักในสถานที่แบบนี้
บ้านพักหลังใหญ่ นอนได้หลายคน เรานอนชั้นลอยสบายที่สุดเพราะมีฮีตเตอร์ หลับปุ๋ยเลย เพราะตอนที่ไปอากาศหนาวมาก เลขตัวเดียวไม่กี่องศา นอนแบบไม่มีฮีตเตอร์คงไม่รอดแน่นอน
ภายในบ้านก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกพอสมควร คือมีครัวพร้อมเครื่องใช้ ยกเว้นจานชาม ห้องน้ำ มีเตา BBQ ให้ปิ้งย่างกันหน้าบ้าน สำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเรา ก็ไม่สะดวกนักเพราะเราไม่สามารถที่จะขนอุปกรณ์เครื่องใช้มาครบได้ แต่เหมาะกับคนในพื้นที่มากๆ เห็นบ้านข้างๆเราปิ้งย่างดื่มกันสนุกสนานทีเดียว
เค้ามีส่วนที่เป็นแคมป์ปิ้งกราวน์ สำหรับตกปลา ทำครัว ส่วนกลางอีกด้วยน่ะ และแม้จะไม่ได้ทำกิจกรรมครบวงวรแต่ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์แคมป์ปิ้งนอนถุงนอนในญี่ปุ่นที่ประทับใจเลยล่ะ
ครั้งแรกในทำผ้ามัดย้อมคราม (Indigo) แบบญี่ปุ่นแท้ๆ
คุณซิมเปซัง กับพี่คนไทย พาเราไปลองหัดทำผ้ามัดย้อมครามแบบญี่ปุ่นแท้ๆกันเลย คือมานั่งทำกันที่ลานบ้านของคุณแม่บ้านในหมู่บ้านนี้กันเลย ถึงแม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เราได้มีโอกาสหัดทำผ้ามัดย้อม แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เรียนรู้วิธีทำ indigo แบบญี่ปุ่น กับชาวญี่ปุ่นจริงๆ
อ้อ ทริปนี้นอกจากเราแล้ว ก็มีเพื่อนบล็อคเกอร์อีกคนคือ นุ๊ก แอดมินจากเพจ one22 Family ที่รู้จักกันมาหลายปีมาเที่ยวด้วยกัน เราก็เรียนรู้การทำมัดย้อมครามแบบญี่ปุ่นไปพร้อมๆกันเลยล่ะกัน และได้ข่าวว่าลืมวิธีทำกันไปพร้อมๆแล้วเช่นกัน 5555
บ้านคุณแม่บ้านที่สอนทำ เล็กๆแต่น่าอยู่มาก อยู่บนเนินเขา มองลงไปในหุบเขาสุดลูกหูลูกตา สวยงามมาก
วิวหน้าบ้านจ้าาาา เริ่ดม่ะ นี่ถ้าเป็นเมืองไทย ป่านนี้เปิดร้านกาแฟ หรือทำเป็นที่พักไปนานแล้ว
อากาศเย็น นั่งเรียนกันกลางแดดกันเลย
ย้อมคราม คือการย้อมเย็น มัดๆทำลาย จุ่มๆ แช่ๆ ขยำๆ บีบน้ำ ตากแห้ง พูดง่ายดี แต่ทำไม่ง่ายเลยจ้าา
ผลงานของเรา 3 คน (เรา นุ๊กและพี่คนไทย) แน่นอนว่าของเราเยินสุด 5555 เพราะอีก 2 คนนั้น เป็นเด็กศิลป์ วังท่าพระกันเลยจ้าา อิอิ
ใช้เวลาในการทำประมาณ 2 ชั่วโมง สนุกสนานกันมากมาย ทำเสร็จก็ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกและนั่งทานขนม ผลไม้กัน อบอุ่นมากกกๆ
คุณป้าๆแม่บ้านเอาช็อคโกแล๊ตมาให้ทาน อีกต่างหาก น่ารักมากๆ
คาเฟ่น่านั่งริมทางของซิมเปซัง
เราได้แวะบ้านของซิปเปซัง ที่อยู่ระหว่างทางไปแค๊มป์ที่พักและที่เรียนทำย้อมครามนั่นล่ะ จริงๆไม่ไกลกันเลย อากาศดีๆเดินเล่นชิลๆเพลินมาก ซึ่งบ้านหลังนี้ส่วนนึงเปิดเป็นคาเฟ่ ที่ซิมเปซังเปิดเฉพาะวันหยุดเท่านั้น (อ๋อๆๆ งานอดิเรกของศิลปินนี่เอง) นอกจากร้านจะอบอุ่นน่านั่งแล้ว ทำเลยังดีมาก เพราะอยู่ติดถนน อีกฝั่งเป็นลำธารน้ำไหล และหุบเขา สวยงามเชียวล่ะ (เหมือนเคย สภาพแวดล้อมที่แบบนี้ ถ้าเป็นเมืองไทยรับรองได้ว่าที่พัก ร้านกาแฟขึ้นพรึ่บแน่นอน)
ถนนหน้าบ้านซิมเปซังจ้าาาาา บอกแล้วว่าเด็ด !! ยิ่งช่วงใบไม้เปลี่ยนสียิ่งสวยงามเงียบสงบมาก
เรียวกังแห่งเดียวของเมือง
ใช่แล้ว ฟังไม่ผิดจ้าา ที่นี่คือเรียวกังแห่งเดียวของเมือง แปลอีกที ที่นี่คือโรงแรมเดียวของเมืองจ้าา อิอิ จำชื่อไม่ได้ เดี๋ยวถามมาให้น่ะ ^^
เป็นเรียวกังเก่าแก่และมีชื่อเสียงของเค้าเลยล่ะ
เรานอนกัน 3 คน ปูฟูกนอนเรียงเป็นตับนี่ล่ะ สนุก อิอิ
ก่อนจบวัน แน่นอนว่าต้องมีดื่มและโม้กันก่อนเป็นธรรมเรียม ซาโน่ซังและซิมเปซัง แวะมาดื่มกับเราด้วย และกว่าจะเม้าท์กันเสร็จก็ดึกโข ซิมเปซังแกเดินกลับบ้าน (ด้านบน) ท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บเลขตัวเดียวน้อยๆจ้าาาา เห็นว่าเดิน 20 นาทีน่ะเนี่ย
มารู้ตอนเม้าท์กันตอนกลางคืนว่าหน้าเรียวกังที่เราพัก มีความพิเศษอยู่ด้วย คือ เจ้าวงกลมาสีเหลือง ที่เราเห็น มันคือจุดที่องค์การนาซ่าเค้ามาวัดระยะทางจากโลกเรา กับ ชั้นบรรยากาศนอกสุดน่ะ
และทั้งโลกใบนี้ นาซ่าเค้าตั้งพิกัดวัดอยู่ไม่กี่จุด และแน่นอนว่าที่นี่ก็เป็นที่หนึ่งในไม่กี่ที่นั่นล่ะ เป็นไง เก๋มั้ยล่ะ !!
แต่ถ้าไม่มีใครบอก เราจะรู้กันมั้ยเนี่ยยย 5555
เยี่ยมบ้านศิลปิน วิวฟูจิที่สวยงาม
ซิมเปซัง พาเราไปแวะเที่ยวชมบ้านของศิลปินนักปั้นที่มีชื่อเสียงของเมือง ที่นี่นอกจากจะเป็นที่เก็บสะสมผลงานต่างๆแล้ว วิวที่นี่คือเทพมาก เพราะมันมีวิวฟูจิอยู่ที่หน้าบ้านเลยจ้า
นี่ไง วิวฟูจิกับสวนส้ม (ถ้าจำไม่ผิด สวนส้มนี่ของซาโน่ซังนี่ล่ะ)แล้วกิ่งไม้ที่เราเห็นในภาพ ก็คือกิ่งซากุระจ้าา ลองนึกภาพช่วงซากุระบาน ที่นี่ก็คงจะสวยงามหยดย้อยไม่เบา นี่จะมีใครมาสร้างที่พัก หรือเกสท์เฮ้าส์เล็กๆเนอะ
ของที่ระลึกที่เราพกกลับเมืองไทย ^^
เก็บส้มจากไร่ส้มของชาวสวนแท้ๆ
สวนส้มของซาโน่ซัง ชาวสวนแท้ๆของเมืองมัตสึดะ
เอาจริงๆเป็นสวนส้มเล็กๆไม่ใหญ่โตนัก ยังไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆสำหรับนักท่องเที่ยว แต่ซาโน่ซังก็มีไอเดียที่จะพัฒนาสวนแห่งนี้ให้นักท่องเที่ยวเข้าถึงได้มากขึ้น และจะบอกว่าส้มที่เห็นบนต้นพวกนี้ เค้าทิ้งทั้งหมดน๊า เพราะปีนี้อากาศแปรปรวนทำให้รสชาติของส้มไม่ได้มาตรฐาน ไม่เอาไปวางขายตามข้างทางด้วย เราเห็นแล้วเสียดายชะมัดทำได้แค่เดินเก็บส้มทานเล่นไปนิดหน่อยเอง
เก็บเองทานเอง เสียดายที่เค้าทิ้งส้มพวกนี้หมด อยากจะขนกลับเมืองไทยจริงๆ
หน้าบานเท่าส้มโอเลยเรา 5555
ชิมราเมงเกี๊ยว ชามใหญ่อลังการที่สุด
ไม่เคยทานราเมงใส่เกี๊ยวที่ญี่ปุ่นมาก่อน มาชิมครั้งแรกก็ที่นี่ล่ะ
ร้านโอนิชิ (Onishi) ร้านนี้ถือเป็นร้านในตำนานของเมืองเปิดมา 20 ปี ความพิเศษ แน่นอนว่าเป็นเส้นหมีล้นชาม และเกี๊ยวตัวใหญ่รสเด็ดมากๆๆ ใส่พริกตำน้ำส้มไปหน่อยบอกเลยว่าฟิน !! แถมชามใหญ่โตมโหฬาร ทานกัน 3 คนจะหมดมั้ย ยังสงสัย 555 แต่ไม่ใช่ที่นี่จะขายแต่ปริมาณน่ะ เพราะรสชาติน้ำซุป หมูชาชู และเกี๊ยวนี่ต้องบอกว่าเป็นร้านราเมงที่เราถูกปากและประทับใจมากแห่งหนึ่งเลย
เมืองนี้มีจุดที่เล่นแฮงค์ไกลเดอร์เพื่อดูฟูจิจากมุมสูงที่สุด
Supermarket ซูชิถูกเว่อร์ ++
สำหรับคนที่ชอบทานอาหารญี่ปุ่นแล้วนั้นไม่มีอะไรจะฟินไปกว่ามาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วได้ทานอาหารโปรดในราคาที่ถูกกว่าเมืองไทยล่ะน่ะ !!
ทุกคนจะรู้ดีว่าในซุปเปอร์มาร์เก็ตของญี่ปุ่น เค้ามีขายอาหารแพ็คต่างๆมากมาย รวมทั้งปลาดิบ ซูชิต่างๆ สำหรับเราที่โปรดปรานทานสิ่งเหล่านี้มาก มีหรือจะพลาดเข้าไปเดินดู (เช็คราคา 555) ราคาโดยทั่วไปก็ถือว่าไม่แพง และยิ่งถูกไปอี๊กหลังสองทุ่ม นักท่องเที่ยวรวมทั้งคนญี่ปุ่นเองเลยมักจะมาหาซื้อกันตอนที่เค้าลดราคาประจำวันกัน ซึ่งที่อื่นก็ว่าไม่แพงแล้ว ที่มัตสึดะคือถูกมากกก !!!!!!
ราคาปลาดิบก่อนลดราคาคือร้อยกว่าบาท สองร้อยจ้าา คือต้องชื้อใช่มั้ย ราคานี้ ??
แน่นอนว่า ซื้อจ๊ะ รูปขวาล่างจ๊ะ อิอิ
เก็บสตรอเบอรี่จากสวน
ชม light Illumination บนเขาแห่งเดียวของญี่ปุ่น Matsuda Kirakira Festa
มื้อค่ำสุดแสนประทับใจกับชาวบ้านที่แท้ทรู
คาเฟ่คนรักหมา
ชมวิวฟูจิซังอันซีน
ตลาดนัดประจำปีของเมือง !!! 


ไปเที่ยวแท้ๆ กลับได้สมาชิกในครอบครัวเพิ่มขึ้น
แค่ช่วงเวลาสั้นๆที่มัตสึดะ แต่กลับรู้สึกถูกชะตาและผูกพันกับโยชิดะซังและลูกสาวมาก มันไม่ใช่แค่โชะตานำพาให้เราได้มาเที่ยวเมืองเล็กๆที่เราไม่เคยได้ยินชื่อเมืองนี้เท่านั้น แต่เป็นโชคชะตาที่นำพาให้เราได้มารู้จักและสัมผัสความอบอุ่นของคนแปลกหน้าชาวญี่ปุ่นแบบคาดไม่ถึง
สำหรับเรา มัตสึดะ ไม่ใช่เมืองแปลกหน้าอีกต่อไป หวังว่าเราจะได้พบกันใหม่
じゃ、またね , ja, matane , บาย แล้วเจอกันอีกนะ
Surprise !!! กับ Matsuda Sakura Festival
เมืองนี้มีดีกว่าที่คิดมาก ก็บอกแล้วว่าจิ๋วแต่แจ๋ว นอกจากจะได้เห็นฟูจิในมุมใหม่ๆแล้ว ยังเป็นจุดชมซากุระบานที่สวยงามมากอีกแห่งหนึ่งด้วยน่ะ เพราะที่เมืองมัตสึดะเค้ามีงานชมซากุระทุกปีที่ ซึ่งไม่ใช่งานเล่นๆน่ะเพราะมันเป็นเทศกาลชมซากุระที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นเชียวล่ะ อยากเห็นซากุระบานสะพรี่งเป็นเนินเขาอย่างสวยงามต้องห้ามพลาด งานจัดที่สวนสาธารณะ Nishihirahata, Matsudayama Herb Garden ซึ่งปีนี้ งานจะจัดระหว่างวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ถึง วันที่ 10 มีนาคม 2019 เวลา 9:00 a.m. – 5:00 p.m.
ที่อยู่ : Mazdayama Herb Garden
2951, Matsudasoryo, Matsuda-machi Ashigarakami-gun, Kanagawa 258-0003
https://nisihira-park.org/herb/
การเดินทาง นั่งรถไฟสายOdakyu มาลงที่สถานีShin-matsuda จากนั้นเดินประมาณ 25 นาที หรือนั่งรถไฟJR สายGotemba ลงที่สถานีMatsuda แล้วเดินอีกประมาณ 20 นาที
(ขอบคุณที่มา : https://www.jnto.or.th)
ที่มา : https://town.matsuda.kanagawa.jp/site/matsudasakura21/