Dec-2015
Maria in Japan ตอน แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยววงกลมคิวชู + คันไซ 15 วัน 8 โรงแรมสวยใกล้สถานีรถไฟ
“ใบไม้ร่วง …..ฤดูของฉัน ”
Autumn in my heart เป็นละครเกาหลีที่ติดเป็นเรื่องแรก ยังประทับใจมาจนถึงวันนี้
Autumn leaves เป็นหนึ่งในเพลงที่ชอบที่สุด ฟังทุกเวอร์ชั่น ฟังมาตั้งแต่เด็ก ฟังกันจนถึงทุกวันนี้
“The falling leave drift by the window
The autumn leave of red and gold”
lallaaa laaa….
เพลงนี้ดังก้องอยู่ในหัวมานานแค่ไหน ความฝันที่อยากจะเห็นใบไม้เปลี่ยนสีก็เนิ่นนานเท่านั้น
ส่วน Autumn in the rain คือชีวิตจริงกับสิ่งที่ได้เจอหาใช่มโนไม่ เดี๋ยวมาเล่าให้ฟังในตอนที่ 2 ฮ่าๆๆ
เคยฝันไว้มานานมากว่าอยากจะไปย่านนิวอิงแลนด์ ที่อเมริกาซักครั้งในชีวิตเพียงเพราะอยากไปเห็นใบไม้เปลี่ยนสีด้วยตาตัวเองตามรูปภาพที่เคยเห็นตั้งแต่ตอนเรียนม.ปลาย (ไม่นานเท่าไหร่หรอก)
นี่ไงๆๆ
นี่คือที่สุดในความฝันสมัยนั้น
ฝัน.. เพ้อ … ละเมอหา แม้ถึงวันนี้ยังไม่สามารถสานความฝันนั้นให้เป็นจริงได้ แต่อย่างน้อยก็ได้เดินทางขยับเข้าใกล้ความฝันนั้นมากขึ้น เมื่อได้มีโอกาสไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นช่วงฤดูใบไม้ร่วงคนเดียวเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนเป็นเวลา 2 อาทิตย์
ใช่แล้ว นี่คือฤดูใบไม้เปลี่ยนสีแรกของฉัน 🙂
แม้เป้าหมายหลักของการชมใบไม้เปลี่ยนสีของญี่ปุ่นจะอยู่ที่ภูมิภาคโทโฮคุและคันไซ แต่กลับพาตัวเองลงใต้ไปภูมิภาคที่ไม่มีชื่อเสียงในเรื่องใบไม้เปลี่ยนสีเท่าไหร่ แปลกดีน่ะ ใครๆก็ถามว่าลงไปคิวชูทำไมช่วงนั้น …นั่นสิ ลงไปคิวชูทำไมช่วงนั้น ?
ใครที่รู้จักจะรู้ว่า อยู่เมืองไทยเป็นคนชอบเที่ยววันธรรมดาหน้าฝน ชอบเที่ยววันที่คนอื่นเค้าไม่เที่ยวกัน กลัวไปเที่ยวแล้วจะเจอคนช่วงเทศกาลที่สุด ทริปชมดอกไม้บางทริปถึงกับยอมแลกที่จะไปเร็วก่อนช่วงพีคหรือไปช้าหน่อยเพื่อที่จะไม่ไปชนกับคนเลยด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นไม่เห็นจะแปลกที่จะไปตามล่าใบไม้แดงในที่ๆคนอื่นเค้าไม่ไปกัน ก่อนไปก็ทำใจอยู่ระดับนึงแล้วแต่ก็ไม่คิดว่าเจอของจริงมันยิ่งกว่า คือมันเกินคาด … แต่จะเกินคาดยังไง เอาไว้ติดตามกันตอนต่อไปล่ะกัน อิอิ เพราะตอนนี้จะขอเล่าเรื่องการเดินทางและโรงแรมที่พักตลอดเวลาที่เที่ยวอยู่คิวชู (+ฮิโรชิม่า) รวม 11 วัน ก่อนจะนั่งรถไฟขึ้นเหนือมาจบทริปที่เกียวโต โอซาก้า และนารา อีก 3 วันก่อนจะกลับกรุงเทพ ส่วนรายละเอียดทริปต่างๆจะขอยกยอดไว้เป็นตอนหน้าน่ะจ๊ะ
ทริปนี้เป็นทริปที่ต้องบอกว่าไปคนเดียวแต่วางแผนการเดินทางไว้น้อยมากๆ การตรียมตัวก่อนการเดินทางนี่เอาที่ชัวร์ๆอย่างตั๋วเครื่องบิน ที่พัก ซื้อ JR pass และมี pocket WiFi ใช้เท่านั้น นอกนั้นทุกอย่างเป็นตัวแถมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นที่เที่ยว การเดินทางไปโน้นมานี่ อาศัยดูข้อมูลผ่านๆตาให้พอรู้คร่าวๆว่าจังหวัดนั้นมีอะไรบ้าง จดไว้แต่ไม่จำและไม่ได้เอาติดตัวไปด้วย แปลนในแต่ล่ะวัน ดูฟ้าฝนแล้วไปจัดกันหน้างาน บางจังหวัดแทบไม่ได้ไปไหนเลยเพราะเจอฝนตกหนักตลอดทั้งวัน บางจังหวัดพอแดดโผล่มาเท่านั้นก็วิ่งรอกขึ้นเขาลงห้วย วิ่งขาขวิดจัดไป 5-6 ที่ก็มี งั้นมาดูกันว่าทริปนี้เราเที่ยงวงกลมกันอย่างไรบ้าง (กลมจริงๆขอบอก)
เริ่มต้นที่กรุงเทพ –> โอซาก้า –> ฮิโรชิม่า –> ฟูกุโอกะ –> นางาซากิ –> คุมาโมโต้ –> คาโกชิม่า –> มิยาซากิ –> เบปปุ –> ยูฟูอิน –> เบปปุ –> โอซาก้า –> เกียวโต –> นารา –> โอซาก้า –> กรุงเทพ ซึ่งในที่นี่จะขอบพูดถึงแค่ฮิโรชิม่าและคิวชูนะคะ ส่วนคันไซจะไปพร่ามกันยาวๆในตอนต่อไปล่ะกัน
เอาล่ะ ได้เส้นทางคร่าวๆแล้ว ต่อไปเตรียมตัวแพ็คกระเป๋าจ้า ตื่นเต้นนานๆจะได้เดินทางไปต่างประเทศนานๆคนเดียวซักที ต้องพร้อมกันหน่อย เหลือดีกว่าขาดสำหรับบางที่ แต่สำหรับญี่ปุ่น ขาดบ้างไม่เป็นไร เพราะเราไปหาซื้อที่นั่นได้โดยเฉพาะเสื้อผ้ารองเท้า เครื่องสำอางค์ ประทินผิวต่างๆ มันสวรรค์นักช๊อปชัดๆ กระเป๋าสีเหลืองสดเอาไปแบบไม่ต้องกลัวหายกันเลย เพราะเห็นที่ไหน นั่นมันกระเป๋าของช้านนนน เอาคืนมาน่ะ :-p
ทริปนี้ลังเลเรื่องกล้องมากที่สุด เอ้ จะเอาชุดไหนไปดี จะเที่ยวตัวเบาๆสบายๆหรือจะเอาไปแบบเผื่อเหลือไม่เผื่อขาด สรุปว่าจัดกล้องชุดใหญ่ไปเลย กะว่าจะเจอใบไม้แดงแบบนิว อิงแลนด์ในรูปแรกจะได้ไม่เสียดายกัน ฮ่าๆๆ เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าแบก Nikon D800E + 14-24 +24-70 + 70-200 พร้อมเจ้าจ้อย Nikon 1 J5 + 6.7-13 + 10-100 ไหนจะแมคบุ๊ค 13″ กับ external HD อีก 3 ลูก รวมน้ำหนักแค่เฉียดสิบกิโลเองจ้าาา ลัลล้าาาา
การเดินทาง
จากกรุงเทพ ไปโอซาก้าเราบินคุ้มคุณภาพครบด้วยสายการบินโลว์คอสอันดับหนึ่งอย่าง Thai AirAsia X ทริปบินหลายชั่วโมงหน่อย เลือกนั่ง Quiet Zone กันเลยซึ่งต้องขอแนะนำเลยว่ามันดีมากเพราะโซนนี้คือโซนพิเศษสำหรับผู้โดยสารที่ต้องการความเงียบสงบระหว่างการเดินทาง และจำกัดอายุผู้โดยสารมากกว่า 10 ปีขึ้นไป ภายในห้องโดยสายก็มีแสงไฟโทนสีฟ้าสบายตาเพื่อความผ่อนคลายอีกด้วยน่ะ ถ้าจะนั่งโซนนี้ในที่นั่งธรรมดาก็จ่ายเพิ่มอีกแค่ 500 บาทเองค่ะแต่ถ้าต้องการนั่ง Hot seat ในโซนี้ก็จ่ายเพิ่ม 1300 บาท แต่ได้ความเงียบสงบในเคบินได้พักผ่อนต่างกันมากๆ
บินคุ้มต้องได้รับสารอาหารให้ครบ สั่งกันล่วงหน้าได้ลดราคาน่ะจ๊ะ เที่ยวประหยัดต้องวางแผนกันซักนิด ห้าบาทสิบบาทเก็บให้เกลี้ยง 5555
กระซิบกันซักนิดว่าโซนนี้ปรกติจะไม่เต็ม โอกาสยึดพื้นที่นอนกันยาวๆมีสูงเลยล่ะ
ดูข้อมูลตารางการบินและบริการเสริมอื่นๆได้ที่นี่จ้า ===> http://www.airasia.com
สะดวกสบายยิ่งกว่า มีขายตั๋วรถไฟ บนเครื่องอีกต่างหาก
ไม่ได้เชียร์แบบไร้เหตุผล แต่ลองมาแล้วไปเซียงไฮ้ ซัปโปโร และโอซาก้า นั่ง Quiet Zone มันดีงามจริงๆน่ะ (แถมได้นอนยาวทุกไฟลท์เลย อิอิ)
วันแรกของทริปนี้แสนยาวนานคือเริ่มจากขึ้นเครื่องบ่ายสามครึ่ง ถึงโอซาก้าห้าทุ่ม นอนในสนามบินตอนตี 3 ตื่น 5 ครึ่ง นั่งรถไฟจากสนามบินคันไซเข้าไป Shin Osaka นั่งชินคังเซนมา Hiroshima เก็บเป๋าไว้ล็อคเกอร์ เปลี่ยนรถ JR มา Miyajimaguchi เดินมาขึ้น JR ferry เดินเล่นบนเกาะ นั่งรถไฟกลับ HIroshima เปลี่ยนเป็นชินคังเซนมา Fukuoka และเดินมาถึงโรงแรมห้าโมงครึ่ง ^^ คร่อก
ปล….ล่าสุดทางสนามบินคันไซ โอซาก้าเค้าประกาศห้ามนอนเกลื่อนกลาดที่สนามบินเค้าแล้วนะคะ เพราะฉะนั้นใครจะไปก็หางหนีทีไล่เอาไว้ก่อนเลย เพราะเชื่อว่าทุกคนคงจะรอเปิดพาสตอนเช้ากันแน่ๆ
JR Pass
แต่ช้าก่อน ไม่ใช่แค่นั่งเครื่องไปถึงที่โน้นแล้วจะสบายใจนั่งหัวเราะได้ทั้งวันน่ะ ยังค่ะมันยังไม่จบเพราะแม้เราจะไม่ได้แปลนทริปอะไรเลยแต่อย่างน้อยเราควรจะเตรียมเลือกซื้อ JR pass ที่เหมาะกับเราจากเมืองไทยไปก่อน ทริปนี้แปลนเปลี่ยนหลายยก วนซ้ายวนขวา เอ๊ะ จะเริ่มที่โอซาก้าก่อนหรือฟูกุโอกะก่อนดี บอกเลยว่าระแวงเรื่องวันเวลาใบไม้เปลี่ยนสีในแต่ล่ะที่มาก แต่จะซื้อ JR ยังไงให้คุ้มที่สุดและครอบคลุมพื้นที่การเดินทางของเราให้มากที่สุด คิดคำนวณสะระตะก็มาลงเอยที่ JR ใหญ่ 14 วัน ซึ่งซื้อออนไลน์จากมาได้ 13,090 บาท กรี๊ดดด มันคือดีงามและถูกมากๆ เพราะลำพังแค่ JR Northern Kyushu 5 วัน + all Kyushu อีก 7 วัน มันก็ไม่ใช่เพราะเราดันมาจบทริปที่คันไซ คิดทุกสูตรไม่ว่าจะ mixed and match พาสไหนๆก็ไม่ครอบคลุมพื้นที่การเดินทางของทริปนี้แถมยังแพงกว่าซะอีก เพราะเราเดินทางขึ้นเหนือลงใต้วกวนกันเล็กน้อย JR 14 วันจึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด คือเราไปถึงเกือบห้าทุ้ม นอนรอที่สนามบินจนเช้า เปิดพาสวันแรกแล้วนั่งลงไปฮิโรชิม่ากันเลย นั่งรถไฟซะให้เข็ดจนวันที่ 14 ของพาสคือวันสุดท้ายที่นั่งมาสนามบินเพื่อขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพตอนสี่ทุ่มพอดี … เป๊ะ !!
มี JR pass เล่มนี้เหมือนทีบัตรเบ่งจริงๆ เข้าๆออกๆสถานี JR ได้เป็นว่าเล่น แต่ แต่ เล่มนี้ไม่สามารถนั่งชินคังเซ็นขบวน NOZOMIและ MIZUHO ได้น่ะจ๊ะ เพราะ 2 ขบวนนี้เป็นขบวนด่วนพิเศษ วิ่งเร็วจี๋มีค่าธรรมเนียมแพงกว่า ถ้าเผลอขึ้นแล้วเจอตรวจต้องจ่ายส่วนต่างเพิ่ม ไม่คุ้มหรอก หาขบวนชินคังเซ็นธรรมดาอย่าง HIKARI , SAKURA, KODAMA หรือ TSUBAME นั่งก็หรูแล้วจ้า ดูตามตารางนี้เลย
ที่บอกไม่ใช่อะไร พลาดมาแล้ว นั่งผิด ขึ้น Mizuho มาแล้ว กร๊ากกกก
ก่อนใช้งานอ่านรายละเอียดบนพาสหรือดูรายละเอียด JR pass ได้ที่นี่ชัวร์กว่าจ้า ==> http://www.japanrailpass.net/en/
ขาดเธอเหมือนขาดใจ
และสำคัญที่สุดของการเดินทางลักษณะงมหลงกันทุกวันแบบนี้ ขาดอะไรแล้วเหมือนขาดใจ นั่นก็คือ WiFi จ้า ไม่มีถึงกับตาบอดเป็นใบ้กันเลยน่ะ ไหนจะหาข้อมูลที่เที่ยวและการเดินทาง เช็คตารางรถไฟ ดูแผนที่ต่างๆ ไหนจะต้องทำตัวต่อติดกับทุกคนที่เมืองไทย ไปคนเดียวแบบนี้ ขาดการติดต่อนี่ตายแน่ๆ และครั้งนี้เป็นการไปญี่ปุ่นเป็นครั้งที่ 9 ทุกครั้งเราใช้ pocket WiFi เจ้าเดียวคือ BS mobile (http://www.bs-mobile.jp/th) ซึ่งสัญญานครอบคลุมพื้นที่ทั้งประเทศและแบตอึดทนอยู่ได้กันทั้งวัน ออกจากโรงแรมแต่เช้า เดินซอกแซ่กขึ้นเขาลงเขาวันล่ะเป็นสิบกม. กลับเข้าโรงแรมสองสามทุ่มแบตก็ยังอยู่ แถมราคาถูกมากๆ ไปเที่ยวเกินอาทิตย์นึงลดราคาเหลือวันล่ะ 100 บาท เอากับเค้าสิ ยิ่งถ้าไปกับเดอะแก๊งค์ เราสามารถเชื่อมต่อกันได้หลายคนอีกต่างหาก คุ้มมากกเชื่อเถอะ
ทริปนี้เอามือถือไป 2 เครื่อง ไม่ต้องกังวลเรื่องแบตหมดเรื่องชาร์ตแน่ๆ อุ่นใจกว่าจริงๆ และเวบที่เป็นที่พึ่งในการเดินทางที่จำเป็นและใช้บ่อยที่สุดคือ google maps และ hyperdia.com ใครยังไม่มีก็โหลดมาเก็บไว้ในสมาร์ทโฟนของท่านซะดีๆ มันดีงามและมีประโยชน์มาก ได้ใช้ทุกวันๆล่ะหลายเวลาแน่นอน อ้อ เปิดตารางรถอะไรไว้ก็แค๊ปหน้าจอไว้หน่อยก็ดีนะคะ จะได้ไม่ต้องเปิดหากันบ่อยๆ และอีกแอพพลิเคชั่นนึงที่อยากให้โหลดเก็บไว้กันก่อนคือ maps.me เราสามารถโหลดประเทศที่เราไป รอไว้ใช้เวลา offline ก็ได้ สะดวกมากในกรณีที่เราใช้ WiFi ไม่ได้ค่ะ
ที่หลับที่นอนกันเน้นๆ
มาม่ะมาคุยกันว่าทริปนี้พักที่ไหนกันบ้าง 11 วันในคิวชู เราจองผ่าน Expedia ได้ราคาพันกว่าบาทมา 9 คืน อีกคืนราคาสองพันนิดๆที่คาโกชิมาเพราะเป็นวันเสาร์ช่วงวันหยุดยาวของที่นี่ ที่พักเต็มกันหมดเลยต้องระเห็ดมานอนนอกเมือง แต่ทุกที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัย ซึ่งเราเป็นผู้หญิงเที่ยวคนเดียวขอเลือกโรงแรมที่นอนหลับได้สนิทใจไม่ต้องระแวงกันดีกว่า เดี๋ยวมาไล่กันว่าเราไปนอนที่ไหนมากันบ้าง แต่ก่อนอื่นมาดูหน้าตาวิธีการจองแบบง่ายๆกันซักสองสามช๊อตนะคะ
เปิดเวบ www.expedia.co.th เลือกว่าอยากจะจองโรงแรม เที่ยวบิน รถเช่าหรือที่ประหยัดที่สุดคือการจองเที่ยวบิน + โรงแรม เราจะประหยัดได้สูงสุดถึง 25% กันเลย
ข้อดีที่เห็นจริงจากการจองจริงคือเราสามารถยกเลิกการจองได้วันต่อวันกันเลย โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการยกเลิก การเดินทางแบบนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ อากาศเปลี่ยน อยากอยู่ต่อ หรือเดินๆอยู่เจอโรงแรมที่โดนใจหรืออะไรก็ตาม แต่จองจากกรุงเทพไว้ให้ครบวันก่อน เพราะช่วงที่ไปเป็นช่วงพีคของทางญี่ปุ่น มีที่นอนไว้ก่อนอุ่นใจแน่ค่ะ ถึงเวลาแล้วอยากจะเปลี่ยนใจ เราก็แจ้งยกเลิกไปก็จะได้เงินคืนเข้าบัตรเลย แล้วจองใหม่ สะดวกจะตาย เราลองมาแล้วสามสี่ครั้ง สบายมาก ไม่ยุ่งยากเลย บางที่มีแบบยกเลิกปุ๊บ จองใหม่ (ที่เดิม) ปั๊บก็มีแถมได้ราคาถูกกว่าที่ยกเลิกไปก็มี
ยิ่งจองมากยิ่งได้สิทธิ์มาก ตอนนี้กำลังสะสมแต้มเพื่อจะเป็นสมาชิกบัตรทองไว้เบ่งอยู่ อีกไม่กี่คืนก็จะได้แล้ว แต่ตรงนี้น่าจะมีการผิดพลาดทางระบบอยู่เพราะจองจริงนอนจริงไปแล้วเกิน 15 คืนแน่ๆ แต่ในระบบยังคิดให้แค่ 7 คืน ตอนนี้เลยถือบัตรเงินแบบเซ็งๆไปก่อน อิอิ แต่ติดต่อทาง Expedia ไปแล้ว เค้าบอกว่าจะดูให้จ้า ลัลล้าา
เอาเป็นว่าสำหรับคนที่สนใจสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก EXPEDIA+ มาทางนี้เลย ยิ่งจองยิ่งคุ้มมากน่ะ ตอนนี้จองจนได้เป็น silver member แล้วจ้าาอีกนิดก็จะถือบัตรทองไว้เบ่งได้แล้ว เย้ ====>http://bit.ly/ExpediaPLUSBG225
และสำหรับคนที่สนใจจองที่พักดีงามแบบนี้กับ Expedia ไปทางนี้เลยจ้าา รับรองนอนสบายทุกคืนในราคาประหยัดจริงๆ จะยกเลิกจะจองใหม่ก็ทำได้ง่ายดายไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม ===> http://bit.ly/ExpJPatbg5
ฟูกุโอกะ – Hakata Green no.1 Hotel
โรงแรมห้องทันสมัยสะอาดดีที่สุดในทุกที่ (ก่อนมาเจอที่ดีที่สุดที่เบปปุ อิอิ) ที่นี่ทำเลดีมาก เดินห้านาทีจาก Hakata จองมานอน 2 คืนๆล่ะ 17xx บาท เดินเข้าๆออกๆโรงแรมกับสถานีสบายเลย อาหารการกินก็ไม่ต้องห่วง อยู่ญี่ปุ่น หาที่นอนใกล้ๆสถานีรถไฟหลักเข้าไว้ ไม่มีอดตาย เพราะทุกอย่างมักจะอยู่ในสถานีนี่แหล่ะ
ห้องน้ำมาตรฐานของโรงแรมที่ญี่ปุ่น อ่างน้ำนั่งอาบ โถ อ่าง แชมพู สบู่ โลชั่น แปรงสีฟัน ภาพโดยรวมหน้าตาแบบนี้แทบทุกที่
ห้องพักเหมือนจะเล็ก (แต่ก็เล็กจริง อิอิ) มีหน้าต่างเลยทำให้ไม่อึดอัด ทีวี โต๊ะ เก้าอี้ อินเตอร์เน็ตพร้อม แค่นี้พอแล้วจ้า
ชา กาแฟ ไดร์เป่าผม ตู้เย็น โทรศัพท์ มากเกินความจำเป็นด้วยซ้ำ เพราะไม่เคยใช้ซักที่ อิอิ
นางาซากิ – APA Hotel Nagasaki – Ekimae
โรงแรมอยู่ทำเลดี อยู่ตรงข้ามสถานีนางาซากิ ห้องเล็ก โดยรวมใช้ได้แต่มีกลิ่นในห้องหน่อย จองที่นี่มา 2 คืนๆล่ะ 16xx กว่าบาท นอนคนเดียว แค่นี้พอแล้วจ้า
ห้องเล็กไม่ว่ากัน ขอให้มีหน้าต่างเป็นใช้ได้
โรงแรมอยู่หน้าสถานีรถไฟ และห้างใหญ่ เดินข้ามสะพานลอยมาก็ถึงเลย
คุมาโมโต้ – Hotel Route – Inn Kumamoto Ekimae
โรงแรมอยู่เยื้องสถานี เดินมาราวสองร้อมเมตร ห้องกว้างกว่าทุกที่ สบู่แชมพูชิเชโด้ มีออนเซ็นด้วย ชอบมาก คืนล่ะ 15xx บาท
คาโกชิม่า – Hotel Route – Inn Satsuma Sendai
จองไกลเพราะโรงแรมในเมืองเต็มหมด ต้องนั่งชินคังเซนจากสถานีคาโกชิม่าในตัวเมืองมา 20 นาที แต่โรงแรมเครือนี้ดีมาก แนะนำเลยน่ะ ราคาประหยัด และมีครบมาก อ้อ มีออนเซ็นด้วย แช่ก่อนนอนหลับสบายเลย คืนล่ะ 21xx บาท คืนนี้นอนแพงหน่อยเพราะเป็นคืนวันเสาร์ของวันหยุดยาวที่ญี่ปุ่นพอดี
มิยาซากิ – APA Hotel Miyazakieki – Tachibanadori
เดินจากสถานีรถไฟไกลหน่อยแต่ทำเลดีมาก อยู่กลางย่านช๊อปปิ้งเลย อยู่ติดห้าง 2 ห้างและถนนคนเดิน มาตรฐานสากล แต่เครือนี้ไม่มีออนเซ็น (เท่าที่พักมา 2 ที่) และจริงๆที่นี่เราจองมาก่อนแล้วคืนล่ะ 16xx บาท แต่เปลี่ยนใจเมื่อคืนเลยยกเลิกและได้เงินคืนเข้าบัตรเต็มจำนวนทันที เพราะคิดว่าจะหาที่อื่นที่ใกล้สถานีมากกว่า แต่ปรากฏว่าหาไม่ได้ เลยจองมาใหม่ได้ราคาถูกกว่าอีกต่างหากคือคืนล่ะ 12xx บาทเอง กรี๊ดดดดด
อันนี้เป็นที่จองไปจากกรุงเทพ ได้คืนล่ะ ประมาณพันหกร้อยกว่าบาท ก็โอเครับได้มากแล้วน่ะ แต่ดันเปลี่ยนใจอยากหาโรงแรมอื่นนอน ปรากฏว่าหาไม่ได้ เลยรีบจองใหม่ที่เดิมนี่แหล่ะ ได้ราคาถูกกว่าคืนล่ะสี่ร้อยกว่าบาท แล้วค่อยยกเลิกอันเก่าที่จองแพง เก๋จะตาย
อันนี้ๆๆๆ จองใหม่ ที่เดิมแต่ถูกกว่าเดิม ฮ่าๆๆ จองเสร็จก็ยกเลิกอันเก่าสิฮ่า รออะไร อิอิ
โรงแรมทำเลดีงามอยู่ใจกลางย่านช๊อปปิ้งเลย แต่อยู่ไกลจากสถานีรถไฟมิยาซากิเอาเรื่อง แต่เดินลากกระเป๋าแกรกๆแป๊บเดียวถึงค่ะ เดินไปกลับสถานีมาแล้ววันล่ะ 2 รอบ สบายมาก ดูนี่ซะก่อน โรงแรมคืนล่ะพันสอง แต่ได้คะแนนโหวตถึง 99% เลยน่ะ ดีงามแบบนี้มามิยาซากิต้องจัดกันเลย
หน้าโรงแรมเป็นถนนสายช๊อปปิ้งหลักของเมืองมิยาซากิ มีห้างใหญ่ ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ย่านเที่ยวกลางคืนรายล้อม การเดินทาง ไม่นับเรื่องเดินไกลจากสถานี ถือว่าสะดวกมากๆๆ
ล็อบบี้ใหญ่โอ่โถง ถ้าไปถึงเร็วแล้วติดฝนไปไหนไม่ได้หรือรอเวลาเช็คอินก็นั่งรอเวลาไปเรื่อยๆชิลล์ๆได้สบายๆ
ห้องพักถือว่าได้มาตรฐาน นอนหลับสบายไม่ต้องระแวงกัน
ห้องน้ำ ถ่ายมาทุกที่ หน้าตาเหมือนกันหมด ดูเองหลงเอง ตกลงที่ไหนเนี่ยยยย
ที่ไหนเป็นที่ไหนไม่รู้แล้ว เหมือนกันหมด 5555
Beppu – Nogamihonkan Ryokan
เป็นเรียวกังที่เดียวที่นอนในทริปนี้ เป็นเรียวกังที่ได้รับการพูดถึงและเป็นที่รู้จักของคนไทยมากอยู่ ทำเลที่ตั้งก็ไม่ได้ไกลมากมาย เดินเป็นปรกติสองสามร้อยเมตรจากสถานี แต่หลังจากทีเดินลากกระเป๋ามาหลายเมืองแล้ว แค่นี้สบายมาก หาให้เจอก็แล้วกัน อิอิ ห้องพักถือว่าใหญ่และกว้างมากกว่าทุกที่ ห้องนี้นอนได้ 2-3 คนแต่เป็นห้องว่างห้องเดียวในคืนนั้น เลยจำเป็นต้องจองมาแพงหน่อยคือเกือบสองพันสำหรับนอนคนเดียวและไม่รวมอาหาร ห้องพักถือว่าธรรมดามาก จริงๆเราคนไทยก็นอนพื้นนอนฟูกกันเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ส่วนตัวคิดว่าถ้าไม่คิดว่าอยากกินอยู่นอนแบบญี่ปุ่นล่ะก็ ที่นอนแบบนี้ไม่จำเป็นเท่าไหร่น่ะ โดยเฉพาะถ้าเราหาห้องสำหรับนอนคนเดียวไม่ได้ ก็ไปนอนที่อื่นเถอะ สะดวกสบายกว่ากันเยอะ แถมถูกกว่าอีกต่างหาก
ห้องนอนมีแต่ห้องน้ำน่ะจ๊ะ จะอาบน้ำต้องไปอาบที่ห้องน้ำรวม แต่ที่นี่มีห้องอาบน้ำส่วนตัวให้ด้วย ต้องจองและจ่ายเงินเพิ่ม ใครที่อาบห้องรวมได้สะดวกใจก็อาบไปเถอะ ชินกันแล้วก็สบายเลย แต่ห้องอาบน้ำรวมที่นี่ไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่ เทียบกับที่เจอมา เอาเป็นว่าไปนอนเอาประสบการณ์ซักครั้งพอ
ไปคนเดียว นอนห้องใหญ่ขนาดนี้เปลืองน่ะเนี่ย (บ่นๆๆ 555)
ยูคาตะไว้เปลี่ยนถ่ายรูปเล่นล่ะกัน
Beppu – Nishitetsu Resort inn Beppu
มาถึงคืนสุดท้ายของคิวชูกันแล้ว ที่นี่เป็นที่พักที่งอกออกมาเนื่องจากแปลนเปลี่ยนจากที่แปลนไว้ว่าจะนั่งรถนอนจากฟูกุโอกะเข้าโอซาก้า เหตุผลคืออยากประหยัดที่พักและตอนแรกไม่ได้แปลนว่าจะซื้อ JR ใหญ่ 14 วันมาเลยไม่ได้จองที่พักไว้ ประกอบกับสภาพอากาศที่ไม่ค่อยดี เจอฝนเยอะเลยคิดว่านอนที่นี่อีกคืน จะได้มีเวลาตามหาใบไม้แดงที่ตั้งใจไว้มากขึ้น เลยจองห้องผ่าน Expedia ตอนที่อยู่มิยาซากินี่เอง ซึ่งทุกอย่างเรียบร้อยราบรื่นและที่สำคัญมันดีมากกกกคืนล่ะ 18xx บาท ห้องสวยใหม่สะอาดทันสมัย มีออนเซ็นทั้งในร่มและกลางแจ้งที่สวยงามและดีมากๆ มาเที่ยวแล้วอยากได้โรงแรมแบบนี้ทุกคืนเลย โรงแรมนี้อยู่ทำเลหาง่ายค่ะ ใกล้ๆกับ Beppu Tower ติดกับโรงแรมมีร้านอาหารร้านดัง และ 7 eleven แม้ต้องเดินจากสถานีไกลกันซักนิดคือเกินครึ่งกม.แต่ที่พักรับรองว่าถูกใจแน่นอน รู้งี้นอนสองคืนดีกว่า ไม่นอนเรียวกังคืนก่อนหรอก แพงกว่าอีกต่างหาก (บ่นๆๆ อิอิ)
ทุกโรงแรมมีเครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้าให้นะคะ ไม่ต้องหอบหิ้วกันมาเยอะ ใส่ไปซักไปหาซื้อเอาใหม่สะดวกกว่าเยอะเลย
โรงแรมดี้ดี ชอบมากๆ สะอาดสะอาด สิ่งอำนวยความสะดวกก็ครบครัน นั่งเขียนอยู่เห็นรูปยังอยากกลับไปวันนี้วันพรุ่งเลยด้วยซ้ำ
ล็อบบี้กว้างขวาง พนักงานพูดภ.อังกฤษสื่อสารได้ค่ะ
โรงแรมอยู่ติดกับ Beppu Tower เลย หาง่ายค่ะ
ห้องนอนขนาดกระทัดรัด เหมือนทุกที่ในญี่ปุ่น แต่ที่นี่ดีกว่านั้นคือใหม่ สะอาด ดูโมเดิรน์เรียบหรูน่าพักผ่อนมากๆ อ้อ มาญี่ปุ่น ไม่ต้องหอบหิ้วแชมพู สบู่มาน่ะ หนักเปล่าๆ ทุกโรงแรมมาตรฐานประมาณนี้จะมีให้ค่ะ ใช้ได้สนิทใจกันเลย
น่านอนมั้ยล้าาา
ห้องตกแต่งโทนสว่าง เข้ากันไปหมด ดูเรียบหรูเป็นญี่ปุ่นมากๆ
มีโซฟานั่งเล่นในห้องอีกต่างหาก
โทนสีสวยรู้สึกอบอุ่นน่านอนชะมัด
Top view โทนสีห้องนวลละออตาน่านอนเป็นที่สุด โดนจริงๆ
ยูคาตะโรงแรมนี้สวยที่สุดเลย
ห้องกระทัดรัดแต่ไม่อึดอัด นอนสบายเชียว อ้อ มีหน้าต่างวิวทะเลสวยมาก
และนอนดอร์มห้องรวมสิบเตียงครั้งแรกในชีวิตที่ Ark Hostel โอซาก้า
จองมานอน 3 คืนเลย ไม่มีปัญญาจะย้ายโรงแรมแล้วจ้า จริงๆอยากหาที่นอนที่เกียวโ
Ark Hostel อยู่กลางเมือง ทำเลถือว่าดีทีเดียวค่ะ คืออยู่ใกล้สถานี Higobashi ประมาณ 2xx เมตร นั่ง subway ป้ายเดียวก็ถึงสถานี Nishi-Umeda ซึ่งก็ถึง Osaka Station แล้ว ที่ชอบมากคือการตกแต่งและคว
ทริปนี้ไม่ได้เอาผ้าเช็ดตัวไ
ชั้นล่างสุดมีคาเฟ่เล็กๆน่า
รีเซฟชั่น แคบหน่อยแต่ก็พอแล้วสำหรับที่พักแบบนี้
นอนม่านรูดน่ะ 5555
เป็นคนกลัวที่แคบ แต่นอนแบบนี้นอนได้น่ะ มันโปร่งโล่ง รู้สึกดีกว่านอนแคปซูลในห้องปิดแน่นอน
ห้องน้ำสวยน่ารัก สะอาดน่าใช้มาก
ถอดรองเท้าก่อนเข้าห้องจ้า
คอมพ์ ครัวเล็กๆพร้อมเครื่องครัว ตู้เย็นด้วยจ้า ตกแต่งได้น่ารักมากๆ
ชั้น 2 มีห้องนั่งเล่น ครัวเล็กๆพร้อมเครื่องครัว ตู้เย็นขนาดใหญ่ คอมพิวเตอร์ โต๊ะนั่งเล่น ดูดีมากๆๆ ด้านนอกมีเครื่องซักผ้า ที่ตากผ้าและระเบียง
______________________________________________________
ตัดตอนจบเลยล่ะกัน เช้าแล้ว 5555 เจอกันตอนหน้า จะพาไปเที่ยวให้ทั่วเลยจ้าา
ตอนต่อไป คิวชูของฉัน
และ ฮิโรชิม่า
และ นาร้านารา
และ อาราชิยาม่ายอดฮิต
และ โอซาก้า
และเกียวโตที่รัก
to be continued …