Dec-2017
คิวชูครั้งที่ 3 กับ 15 จุด Check in ที่ต้องห้ามพลาด
K h y s h u
คิวชู เกาะนี้กำลังมาและแน่นอนว่ามันมีอะไรดีกว่าที่คิดแน่นอน สำหรับคนที่มาเที่ยวญี่ปุ่นหลายครั้งแล้ว อยากเปลี่ยนบรรยากาศมาเที่ยวเมืองเล็กๆเงียบสง
แค่มาถึงก็เห็นใบไม้เปลี่ยนสีริมทางสวยงามมากกว่าที่คิดว่าจะได้เจอในช่วงกลางเดือนพย.แล้ว ยังนึกแปลกใจทำไมปีนี้คิวชูเปลี่ยนสีเร็วจัง บางช่วงบนเขาเหลืองส้มเยอะมาก ร่วงไปแล้วอีกต่างหาก บางจุดนี้เปลี่ยนมากกว่าตอนที่มาหาข้อมูลเขียนหนังสือซะอีก ดี้ดี
เป็นครั้งแรกเช่นกันที่ได้นั่งรถผ่านเส้นทางสวยๆตามชนบทระหว่างเมือง เพราะมา 2 ครั้งที่ผ่านมาก็นั่งรถไฟเที่ยวกัน 100% ได้เห็นบรรยากาศแบบนี้บ้างมันก็ดี และดีมากเพราะเราถ่ายรูปจากบนรถทัน 555 นั่งรถไฟเร็วปรู๊ดๆไม่เคยจับภาพแบบนี้ได้เลย จริงๆน่ะ อิอิ
1 . Kitsuki , Oita
ลงมาฟุกุโอกะก็พุ่งไปเมืองคิตซึกิ จังหวัดโออิตะ ก่อนเลย ได้แต่งชุดกิโมโนเดินเล่นในเมืองสนุกดี เมืองนี้เป็นเก่าแก่ มีปราสาทที่เล็กที่สุดในญี่ปุ่นด้วยน่ะ ที่เด็ดคือถ้ามาเที่ยวเมืองนี้แล้วแต่ชุดกิโมโน เราสามารถเข้าชมวัดวัง ปราสาท บ้านเก่า พิพิธภัณฑ์ทั้งหมดได้ฟรีเลยน่ะ ไม่ต้องจ่ายค่าเข้ายิบย่อยทีล่ะห้าร้อย แปดร้อยอีก ดีงามมาก
ชุดที่เช่าราคา 3000 เยน กระเป๋า ต่างหาก 100 เยน เป็นร้านกิโมโนที่แต่งตัวละเอียดดี ลายผ้าก็สวย ร้านใหญ่ มีห้องแต่งตัวเป็นเรื่องเป็นราวเลย จากร้านเดินเล่นไปปราสาทได้เลย ผ่านเส้นเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยบ้านโบราณย้อนยุค กำแพงหิน กำแพงไม้สวยๆ พิพิธภัณฑ์ บ้านซามูไร เดินขึ้นลงเนินสวยๆ งานนี้ต้องแต่งกิโมโนเท่านั้นถึงจะฟินเพราะรับรองว่าได้เดินถ่ายรูปกันเพลินแน่นอน เมืองนี้อารมณ์คล้ายๆลิตเติ้ลเกียวโตของคิวชูได้เลย
ใครที่มาเที่ยวญี่ปุ่นหลายครั้ง แล้วไปแต่ที่เดิมๆ ลองหาโอกาสลงมาเที่ยวคิวชู คนไทยยังมาไม่มาก ยิ่งเมืองเล็กเมืองน้อยแบบนี้ยิ่งไม่มี มาเปลี่ยนบรรยากาศกันก็ได้อีกอารมณ์น่ะ
“แต่งกิโมโนเดินเล่นดีกว่า “
เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าใส่กิโมโนแล้วเดินเล่นมีความสุขจัง ชุดนี้จะเป็นชุดมาเรีย เดอะซีรีย์ กิโมโนกันยาวๆ โทษฐานที่ใส่คราวนี้แล้วชอบมาก อิอิ ค่าเช่าชุดใส่สองชั้นที่นี่แค่ 3000 เยน ใส่เดินได้ทั้งวันจ้า แถมบรรยากาศเมืองก็เป็นใจซะงั้น ฟินมั้ยล่ะ
เห็นชุดนี้ที่หน้าร้าน คืออยากได้เลย แต่ชุดนี้เอาไว้โชว์อย่างเดียว เอาคล้ายๆก็ได้ ….ข้างล่างเลย อิอิ
สีแดงเหมือนกัน พอได้ อิอิ
2. สวนส้ม Sekiguchi Kanko noen
せきぐちかんこう
のうえん
関口観光農園
สวนส้ม Sekiguchi Kanko noen ที่เมือง Kitsuki จังหวัด Oita เมืองนี้เค้าดังเรื่องส้ม สวนส้มเพียบ
สายส้มต้องห้ามพลาดกันเลย ไปเก็บไปกินไปอยู่ได้ทั้งวันก็แค่คนล่ะ 500 เยน ถ้าจะซื้อกลับ กก.ล่ะ 200 เยน ลูกดกเต็มต้น ตาลายเก็บไม่ถูกเลยล่ะ
การเดินทางให้ง่ายคือนั่งแท๊กซี่ไปจากสถานีรถไฟ Kitsuki
3. Hita , Oita
วันที่ไป เค้ามีงานจุดเทียนไม้ไผ่ เทศกาล天領まつり Tenryomatsuri ครั้งที่38 ตอนกลางคืนพอดี น่าเสียดายที่ไม่ได้อยู่ แต่ก็ได้ชมเทศกาลแห่ตอนกลางวันแทน น่ารักน่าสนุกอบอุ่นไปอีกแบบ
แต่อยากมางานแห่นี้ที่สุด
4. Kurokawa onsen (คุโรคาวะ ออนเซ็น)
เมืองแห่งออนเซนแห่งคิวชู เป็นหมู่บ้านออนเซนน่ารักๆที่มีชื่อเสียงมากเมืองหนึ่งของญี่ปุ่น อยู่ตอนกลางของคิวชู ประมาณ 20 กิโลเมตรทางตอนเหนือของภูเขาอาโซะ เมืองคุมาโมโตะ ไปเดินเล่นได้ฟิลประมาณยุฟุอินแต่อยู่บนเขา เป็นเมืองที่ยังคงความดั้งเดิมของหมู่บ้านญี่ปุ่นโบราณและธรรมชาติที่สวยงามเอาไว้ได้มาก สภาพอาคารบ้านเรือนต่างๆยังคงสภาพเดิมๆที่สร้างจากไม้และหิน โดยมีทางเดินไม้และหิน ไปตามลำธารน้ำไหล คุโรคาวะ ออนเซ็นเป็นหมู่บ้านในป่าที่เดินเที่ยวได้ง่าย และเงียบสงบ มีสโล๊ปทางเดินขึ้นลงเขาบ้าง แต่ให้อารมณ์ความเป็นญี่ปุ่นอย่างแท้จริง มีเรียวกังน่าพักมากมาย มีร้านรวงให้เดินเล่นจับจ่ายเยอะแยะไปหมด มีลำธารน้ำตก เดินเพลินดี ที่สำคัญมีคูปองที่เราสามารถแลกขนม ไอศครีม เครื่องดื่มหรือจะสปาปลาได้ฟรีจากร้านค้าต่างๆที่เข้าร่วมโครงการด้วยน่ะ
ตอนไปใบไม้ยังไม่ค่อยเปลี่ยนสีเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าสวยงามมากแล้ว ถ้าไปช่วงที่เค้าเปลี่ยนสีทั้งภูเขาต้องสวยงามกว่านี้แน่นอน
5. จุดชมวิวยอดเขาไดคันโบ (Daikanbo)
เป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงของภูเขาไฟอะโซะ (Aso) ที่มีวิวของภูเขาอาโซะ(Aso)และคูจู(Kuju) ที่มองแล้วคล้ายกับพระกำลังนอนอยู่
จุดนี้ต้องขับรถหรือมาแท๊กซี่เท่านี้น แต่บอกเลยว่าคุ้ม เป็นเส้นทางขับรถที่สวยงามสุดๆ วิวรอบทิศทาง 360 องศา ช่วงนี้เป็นทุ่งดอกหญ้า ช่วงบ่ายแดดสวยโรแมนติคมากๆ อากาศก็กำลังเย็นสบาย สิงองศานิดๆ มีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ เป็นจุดที่มีคนน ยมขึ้นมาชมดาวกันด้วยน่ะ
S a g a
มาซากะครั้งแรก แต่ได้ทำอะไรเยอะแยะ ทำดอกไม้ไฟเล่นเอง ได้ไปวัดยูโตคุอันโด่งดังอยากไปมาตั้งแต่ทริปมาแบกเป้เที่ยวคิวชูวงใหญ่ปี 15 ได้ไปเดินชมใบไม้เปลี่ยนสี Light up ที่ Mifuneyama Rakuen (อาทิตย์หน้าคือแดงพีค) และนอนที่เรียวกังที่เริ่ดที่สุดจนต้องพูดถึง คือ ogiya Ryokan ที่เดินเข้ามาในห้อง เค้าเปิดเพลงแจ๊สรอไว้แล้ว มีเตาผิงไฟและมีอ่างออนเซนกลางแจ้งส่วนตัวที่ปรับอุณหภูมิได้อยู่ในห้องจร้าาา อ้อ อาหารมื้อเย็นคือสุโค่ยยย ทุกอย่างดีมาก แต่เค้ามีห้องแค่ 7 ห้องเอง น้อยไปนิด
6. วัด Yutoku Inari
เรียนวิธีทำดอกไม้ไฟด้วยเองสนุกมากๆ ลุ้นทุกขั้นตอน ฮาตอนที่ทำออกมาแล้วมันสั้นกุดไม่เหมือนชาวบ้านเค้าแต่ลุ้นสุดก็ตอนที่มันจะจัดได้มั้ย ซึ่งมันเวิรค์ทุกดอกบอกเลย !!
7. ชมใบไม้เปลี่ยนสี ประดับไฟตอนกลางคืนที่ Mifuneyama Rakuen
8. Ogiya Ryokan (โอกิยะ เรียวกัง)
ทริปนี้กินดีอยู่ดีนอนสวยทุกคืน แต่อยากจะพูดถึงเป็นพิเศษก็ที่นี่เลย Ogiya Ryokan (โอกิยะ เรียวกัง) เมืองทาเคโอะ (Takeo) จังหวัดซากะ เป็นเรียวกังเล็กๆที่เริ่ดมากคือเดินเข้ามาเปิดเพลงแจ๊สรอ มีเตาผิงไฟและมีอ่างออนเซ็นกล้างแจ้งส่วนตั
อ่างแช่ออนเซ็นกลางแจ้งส่วนตัวในห้องเลย ดีงามพระรามแปดชอบที่สุด !!
9. Karatsu (คาระซึ)
เมืองสวยอีกเมืองที่ซากะ คิวชู จังหวัดที่หลายคนมองข้าม เมืองคาระซึอยู่ห่างจากฟุกุโอกะไม่ถึงชั่วโมง มีปราสาท Karatsu หรือปราสาทนกกระเรียนร่ายรำแห่งคิวชูอันโด่งดังด้วยสถาปัตยกรรมที่คงเดิมมาตั้งแต่สมัยเอโดะ ที่นี่สวยงามมากในช่วงซากุระบานเดือนวิสทีเรียได้ในฤดูใบไม้ผลิอีกด้วยน่ะ (รูปวิสทีเรียถ่ายจากโปสเตอร์ค่ะ)
เวลาเปิด-ปิด: 09:00-17:00 น.
ค่าเข้าชม: 400 เยน
การเดินทาง: จากสถานี JR Karatsu นั่งรถบัสลงป้าย Karatsujo-iriguchi
นั่งรถผ่านป่าสนดำที่สวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจไป Kagamiyama ซึ่งเป็นจุดชมเมืองพาโนราม่าที่สวยงาม แอบเห็นมีต้นซากุระอยู่เยอะเลย ช่วงหน้าซากุระบานต้องสวยมากแน่นอน อ้อ ที่นี่มีทุ่งดอกไฮเดรนเยียร์ช่วงหน้าฝนด้วยน่ะ เคยเห็นรูปอยู่ สวยไม่เบาเลย
อ้อ แถวนี้มีเมืองเล็กๆที่มีชื่อเสียงในเรื่องเครื่องเคลือบดินเผาระดับโลกเลยน่ะ คือ Imari และ Arita ข้าวของใช้เซรามิกของที่นี่ส่งออกไปทั่วโลกจนเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก แวะไปชมงานศิลปะเครื่องเคลือบที่นี่ เห็นราคาและสะดุ้ง ราคาสูงระดับไฮเอน ขนาดที่รองแก้วราคายังสี่ห้าหมื่นเยนต่อชิ้นน่ะจ๊ะ งานราคาหลายแสนเยนมีเยอะ เป็นล้านก็มี ใครชอบแนวนี้ไม่ควรพลาดน่ะ
10. สวนซุยเซนจิ (Suizenji) Kumamoto
เพราะโลกมันกว้าง คนข้างๆจึงสำคัญ
และจะสำคัญมากถ้าไปเดินเล่นชมสวนซุยเซนจิ (Suizenji) สวนญี่ปุ่นแสนสวยที่ติดอันดับ 1 ใน 3 สวนญี่ปุ่นที่ควรค่าไปเยี่ยมเยือนที่อยู่ใจกลางเมืองคุมาโมโตะ เพราะไม่งั้นไปนั่งจิบชาชมสวนคนเดียวเหงาแน่ๆๆ^^ มาลองสัมผัสวิถีเซน ลองสโลว์ไลฟ์นั่งจิบชากลางสวน แล้วใช้ชีวิตแบบคนญี่ปุ่นกับบ้าง ซึ่งที่นี่เป็นสวนญี่ปุ่นที่มีแลนด์สเคปสวยมากๆอยู่กลางเมืองคุมาโมโต้เลยค่ะ
การเดินทาง ในคุมาโมโต้ง่ายที่สุดในจักรวาล City tram หรือรถรางของเมืองซึ่งมีอยู่แค่ 2 สายคือ A และ B จะผ่านสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองหมด เช่นสวน Suizenji นี่ก็นั่งรถสาย A จากหน้าสถานีรถไฟ (ป้าย 3) ไปป้ายที่ 18 สถานีซุยเซนจิ โคเอน(Suizenji Koen) หรือ ไปปราสาทคุมาโมโต้ก็ลงที่ป้าย 10 ส่วนขากลับก็นั่งสาย A กลับมาสถานีป้าย 3 อีกเช่นกัน
หรือนั่งรถไฟ JR สาย Hohi ไปลงที่สถานี Shin-Suizenji แล้วเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที
ข้อเสียของรถรางคือมันวิ่งช้าและส่วนมากมีตู้เดียว เพราะฉะนั้นคนเยอะและการเดินทางมันไม่รวดเร็วฉับไวเหมือนเมืองใหญ่อื่นๆในญี่ปุ่นที่เราคุ้นเคยกันนะคะ ค่าโดยสารต่อเที่ยว 150 เยน แต่แนะนำให้ซื้อ Day pass ซึ่งมีหลายแบบ ซึ่งแบบวันล่ะ 500 เยนก็ครอบคลุมจุดท่องเที่ยวใน 1 วันแล้วค่ะ
ร้านนี้ชาเขียวอร่อยมากกกกกกกกกก ทำเลดีงามเพราะอยู่ริมน้ำในสวน Suizenji เลย
เป็นอีกช่วงเวลาที่นั่งชิลล์ ไป ชิบชาไป ชมวิวไป ชิลมากมาย
12. ปราสาทคุมาโมโตะ ( Kumamoto Castle) ในวันนี้
ปราสาทคุมาโมโตะ ได้ชื่อว่าเป็นปราสาทที่แข็งแกรงที่สุดในญี่ปุ่นและยังถือเป็นหนึ่งในปราสาทที่มีอาณาบริเวณกว้างใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็น 1 ใน 3 ปราสาทที่สวยงามสง่าที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย เพราะฉะนั้นไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะไม่มาเยี่ยมชมที่นี่ถ้ามาถึงเมืองนี้ แต่ในวันนี้ วันที่กลับมาเยือนคุมาโมโตะอีกครั้ง เห็นปราสาทคุมาโมโตะได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวเมื่อเดือนเมษายน ปี 2016 ก็รู้สึกสะเทือนใจมาก แม้ปราสาทที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดก็ยังพ่ายแพ้ต่อภัยธรรมชาติ กว่าจะกู้ซากและบูรณะให้กลับมายิ่งใหญ่เหมือนก็ต้องเวลาเวลายาวนานแบบประเมินกันไม่ได้เลยทีเดียว ขนาดเราเป็นแค่นักท่องเที่ยวที่เคยมาเยือนที่นี่ยังรู้สึกเศร้ากับความสูญเสียในครั้งนี้ คนเมืองคุมาโมโตะเค้าคงรู้สึกมากกว่าเราหลายเท่านัก
การเดินทางจากสถานี Kumomoto-eki mae ด้วยรถบัส Kumamoto Castle Loop Bus ให้ลงที่ป้าย Kumamoto-jo mae ใช้เวลาประมาณ 10 นาที รถจะจอดที่ฝั่งตรงข้าม ให้เดินตามป้ายบอกทางหรือฝูงชนก็จะไม่มีหลงแน่นอนค่ะ
ปราสาทคุมาโมโตะก่อนเจอแผ่นดินไหวปีที่แล้ว
ปราสาทคุมาโมโตะในวันนี้ เศร้าจัง
ซากก้อนหินจากปราสาทได้รับการวางเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบพร้อมกันหมายเลขบนก้อนหินแต่ล่ะก้อน ทราบมาว่าก้อนหินทุกก้อนมีพิกัดตำแหน่งที่ตั้งเดิมก่อนพังทลายเอาไว้ เค้าเขียนเลขไว้เพื่อจะได้รู้ว่าก้อนหินก้อนไหนอยู่ตำแหน่งเดิมยังไง การประกอบกลับก็เหมือนต่อจิกซอว์ที่ต้องวางตรงตำแหน่งที่ถูกต้องถึงจะประกอบกันเป็นภาพที่สมบูรณ์ได้ ก็ลองนึกภาพว่าเค้าต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะบูรณะปราสาทคุมาโมโตะแห่งนี้ให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้?
และนี่คือวิธีคิดที่ละเอียดอ่อนของคนญี่ปุ่น ทุกอย่างต้องถูกต้องที่สุดจริงๆ กราบเลยก็ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ทุกคนด้วยล่ะกัน
13. ชิมซาชิมิเนื้อม้า ที่ร้าน ร้าน Shiromi Yagura คุมาโมโตะ
ทานชาบูกับซาซิมิเนื้อม้าครั้งแรกในชีวิต มันดีกว่าที่คิดไว้มาก
เนื้อม้าหนึบกรุบๆกล้ามเนื้อแน่นๆเน้นๆ อร่อยมากๆๆ ร้าน Shiromi Yagura วิวเทพมาก ห้องส่วนตัวกระจกเน้นๆวิวปราสาทคุมาโมโตะแบบติดขอบรั้วเลย
ชุดนี้ราคาแปดพันกว่าเยน ใครมาแถวนี้ต้องชิมน่ะ อร่อยมากกๆๆ
14. F u k u o k a Light Illumination
โชคดีมาก ถามๆๆดูถึงรู้ว่า Light illumination ที่หน้าสถานี JR ฮากาตะเค้าเปิดวันแรกเมื่อวาน ทานข้าวเสร็จรีบไปเลย และเค้าจะจัดไปจนถึงราวกลางมค.น่ะ
ไม่ได้เอาเลนส์มุ้งมิ้งมาแต่เทเล NIKKOR 70-300mm f/
15. สวนโอโฮริ (Ohori Park) และ วัดโทโชจิ ( Tochoji )
โอโฮริ พาร์คเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางฟุกุโอกะ ที่มีสระน้ำขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง โดยจะมีทางเดินรอบๆสระน้ำ เป็นสถานที่พักผ่อนยอดนิยมของชาวเมืองมีหลากหลายกิจกรรม ทั้งวิ่งออกกำลังกาย ปั่นจักรยาน นั่งชมวิวบริการเรือถีบ เรือพาย เดินเล่นชิลล์ๆ บ้างก็จูงน้องหมาน้องแมวมาเดินเล่น อารมณ์ประมาณสวนลุมของกรุงเทพ
ภายในบริเวณสวนมีหลายสถานที่น่าสนใจให้เยี่ยมชม ไม่ว่าจะเป็นสะพานปูนกลางน้ำที่เดินเล่นไปบนเกาะกลางสระน้ำได้ ศาลาหกเหลี่ยม พิพิธภัณฑ์ศิลปะ หรือศาลเจ้า Gokoku
เค้าว่ากันว่าที่นี่เป็นจุดชมซากุระหลากสายพันธุ์บานที่สวยมากแห่งหนึ่งของเมืองเลยน่ะ ใครมีโอกาสมาเที่ยวฟุกุโอกะในฤดูใบไม้ผลิก็อย่าลืมแวะมาชมซากุระบานแล้วเก็บภาพมาฝากกันด้วยน่ะ เพราะไม่รู้จะมีโอกาสกลับมาในช่วงนั้นมั้ย
การเดินทาง: รถไฟใต้ดินสถานี Ohori Koen ทางออก 3 เดินตรงไป ทางเข้าสวนอยู่ซ้ายมือ
วัดโทโชจิ เป็นหนึ่งในวัดที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ด้านในยังมีวิหารที่มีพระพุทธรูปนั่งทำจากไม้แกะสลัก สูงถึง 10.8 เมตรและหนักมากกว่า 30 ตัน ว่ากันว่าเป็นพระพุทธรูปนั่งทำจากไม้ที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นใช้เวลาสร้างนานถึง 4 ปี และเป็นที่รู้จักกันว่า ฟูกุโอกะ ไดบุสสึ (Fukuoka Daibutsu)หรือพระใหญ่แห่งฟูกุโอกะ น่าเสียดายที่เค้าไม่อนุญาติให้เก็บภาพ เลยไม่มีภาพมาฝากกันแต่เข้าไปชมแล้วสวยงามใหญ่โตสมราคา ใครที่ไปเที่ยวฟุกุโอกะ อย่าลืมแวะไปชมกันด้วยตัวเองน่ะ เพราะไม่มีรูปออกมาจากนักท่องเที่ยวปรกติแน่นอน ^^
วัดโทโชจิ ตั้งอยู่ด้านหน้าสถานีรถไฟใต้ดินกิออน (Gion)
เข้าชมฟรี ตั้งแต่เวลา 09:00 ถึง 17:00
และ Canal City ที่อยู่หน้าโรงแรมในคืนสุดท้าย เชื่อเถอะว่า ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่มาคิวชูแน่นอน !!